ประสบการณ์การแต่งงาน
แต่งล่ะน้า .. งานพิธีช่วงเช้า

อาจารย์ที่เคยสอนผมท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้ว่า สมองคนเรามีศักยภาพ แต่ไม่มีคุณภาพ คือ จดจำ วิเคราะห์ สังเคราะห์ได้เหนือสัตว์ทุกชนิดในโลก แต่ไม่มีคุณภาพ เพราะหมดอายุได้ง่าย หมายความว่า คนเราลืมง่าย และเมื่ออ่อนล้าก็ต้องการ การพักผ่อน ขอบันทึกไว้เพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษาหาประสบการณ์ ก่อนที่จะได้พบกับตนเอง และผู้เขียนเกรงว่าบางอย่างที่ดี ๆ จะเลือนไปตามกาลเวลา

นี่คือบันทึกของ
ขวัญชนก และ บุรินทร์ รุจจนพันธุ์

แนะนำเว็บ (Web Guides)

กลุ่มเว็บไซต์ : แต่งงาน
love2gether.com
centerwedding.com
tonrak.com
thaiwedding.com
thaiweddingmall.com
weddingsquare.com
weddingmind.com
wedding.in.th
weddingmusiccenter.com
กลุ่มเว็บไซต์ : หาคู่
naddate.com *
konrujai.com *
loveme.com *
siamza.com
thaimate.com
zuzaa.com
kik2you.com
popfarang.com
thaidarling.com e
sweetsingles.com e
thailovelinks.com
siammatch.com e
สองเราคบกัน
ผมได้พบกับภรรยาเมื่อปี 2539 ในที่ทำงาน แต่อยู่กันคนละแผนก หลังจากพบภรรยาได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็คิดว่าเธอน่ารัก เรียบร้อย มีเสน่ห์ วาจาอ่อนหวาน และเป็นกันเอง จึงตัดสินใจจะเข้าไปคุย อาศัยความกล้าโทรชวนทานข้าวเที่ยงในวัน Valentine ของปี 2539 แต่เธอปฏิเสธเพราะไม่รู้ว่าเสียงที่โทรไปชวนทานข้าวเป็นเสียงใคร และก็คงนึกหน้าผมไม่ออกว่าเป็นใครมาจากไหน พอผมลงมาที่ชั้น 1 (ปกติผมทำงานชั้น 3 และภรรยาทำงานชั้น 1) ก็สร้างโอกาสให้กับตนเองอีก ด้วยการไหว้วานรุ่นน้องให้ไปชวน จะได้ออกไปทานข้าวนอกสถาบันด้วยกัน ในที่สุดรุ่นน้องสาว ผู้สวมวิญญาณแม่สื่อเต็มที่ ก็ชวนมาได้สำเร็จ สรุปว่าเที่ยงวันนั้น ผมได้ทานก๊วยเตี๋ยวต้มยำที่หมู่บ้านสันติภาพ กับภรรยาเป็นครั้งแรก ก็ดีใจมาก ชวนเธอคุยไปหลายประโยค กลับมาก็ทำงานสนุก happy ไปทั้งบ่ายนั้นเลย
พอตกเย็นก็เป็นเรื่องบังเอิญอีก ที่ผมยังกลับไม่ถึงบ้าน ทั้งที่ออกไปนอกวิทยาลัยแล้วหวนรถกลับมาอีก เพราะวาดฝันวาดหวังว่าจะได้เจอ เผื่อจะชวนเธอไปทานข้าวเย็นด้วยกันสักมือ เป็นการผูกสัมพันธ์กันต่อไป ช่างบังเอิญเหลือเกินที่เธอก็กำลังเดินออกไปทานข้าว ทำให้วันแรกที่เราได้พูดคุยกัน เป็นวัน Valentine ที่ดูมีความหมายที่สุด และยังได้ทานข้าวร่วมกันถึง 2 มื้อ โดยเฉพาะมื้อเย็น ผมพาเธอไปทานข้าวที่ร้านอาหารชมวัง ติดแม่น้ำวัง ได้บรรยายาศทีเดียวครับ คุยกันไปหลายเรื่อง ก็ทำให้รู้ว่าเธอเป็นคนอำเภอเดียวกับผม (ในใจผมก็คิดว่ายิ่งดี อีกหน่อยจะอาสาไปส่งที่บ้านซะเลย) ภายหลังเธอก็เลิกใช้มอเตอร์ไซค์ หันมาใช้ผมเป็นคนขับรถ Taxi ประจำตัวให้ เราจึงเริ่มสนิทกันตั้งแต่นั้นมา ตั้งแต่วัน valentine ปี 2539 นั่นเอง
สิ่งหนึ่งที่ผมยึดถือในการคบกับใคร เสมอ ๆ ที่คิดได้ตอนนี้มี 6 ข้อ ก็คือ สิ่งแรก ถ้าคบใคร จะต้องตั้งเป้าหมายที่จะคบอย่างจริงจัง ไปชั่วชีวิต สิ่งที่สองคือ นิสัยใจคอว่าจะไปกันรอดไหม อยู่ใน spec ที่รับได้รึเปล่า เราหรือเขาต้องปรับตัวเข้าหากันอย่างไร สิ่งที่สามคือ ภูมิลำเนา ว่าถ้าแต่งแล้วจะอยู่อะไรกันที่ไหน ใช้ชีวิตอย่างไร เพราะเห็นมาหลายคู่ พ่อแม่มีลูกคนเดียวทั้งคู่ และต่างก็มีกิจการของตัวเอง คนหนึ่งอยู่เชียงราย อีกคนอยู่ภูเก็ต เสียดายครับ ในที่สุดก็เลิกรากันไป สิ่งที่สี่คือ การยอมรับของครอบครับทั้งสองฝ่าย เรื่องนี้ในละครมีให้เห็นกันจน เจนตาแล้ว สิ่งที่ห้าคือ ฐานะไม่ควรเหลื่อมกันมาก เพราะอาจเกิดปัญหาในเรื่องของช่องว่างแบบนี้ในอนาคตได้ สิ่งที่หกคือ ความไว้วางใจ ผมเป็นคนเชื่อใจภรรยาเสมอ หลังจากซักถามอะไรที่ข้องใจ จนหายสงสัย และต้องไม่เก็บข้อสงสัยต่าง ๆ ไปคิดเองมีอะไรก็เปิดอกคุยกันเลย แบบรู้ดำรู้แดงกันไปเลย
ถ่ายรูป ตั้งไว้หน้างานแต่ง
เพราะแขกกว่าครึ่งไม่รู้จัก บ่าวสาว
หรือ จำหน้าไม่ได้ .. เปลี่ยนเยอะ 555
การเตรียมตัว (Prepare) เราคบกันมานานมาก(ในความคิดของผม) ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2539 ผ่านเหตุการณ์อะไรหลายอย่างมาเยอะ ไม่ว่าจะเรื่องที่ผมต้องเสียคุณพ่อในวันที่ 12 กรกฏาคม 2539 ด้วยมะเร็วลำใส้ใหญ่ และเสียคุณยายอีกในวันที่ 28 สิงหาคม 2539 ด้วยมะเร็งตับ จนตัดสินใจที่จะแต่งานกันในปลายปี 2540 ก็คบกันได้ปีกว่า ๆ ไม่ถึง 2 ปีดี ที่เราแต่งงานกัน
วันแต่งงานถูกกำหนดโดยหนานแก้ว หมอดูประจำตระกูล คือมีอะไรครอบครับผมก็จะไปให้หมดคนนี้ดูกัน จะเกิด จะเจ็บ จะไข้ จะไป จะมา จะเรียน จะเลิก ก็ต้องไปดูเมี่ยกัน (เมี่ย ภาษาเหนือแปลว่าเวลา) โดยเฉพาะน้าผมคนหนึ่งชอบไปรดน้ำมนหนานคนนี้มาก เพราะชอบใช้ดวงหากิน เป็นอาชีพเสริมอยู่บ่อย ๆ ดวงไม่ดีทีก็มารดน้ำมนที ว่างั้นเถอะ
เมื่อกำหนดวันแต่งงานแล้ว เราก็ไปจองโรงแรมกันแต่เนิ่น ๆ และก็ต้องพบกับปัญหาใหญ่ เพราะความที่ทำอะไรรวดเร็วแต่เนิ่น ๆ เข้าจนได้ ผมและภรรยาไปจองโรงแรมเพื่อแต่งงานที่โรงแรมขนาด 40 โต๊ะจีน ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนแต่งงานตั้ง 4 เดือน เพราะเราแต่งกันในวันเด็กเดือนมกราคมปี 2541 พอใกล้ ๆ วันแต่งก็ไป confirm เพื่อเลือกอาหาร แต่ปรากฏว่าที่สมุดที่ใช้รับจองเป็นสมุดคนละปี และคนรับจองก็เป็นคนละคน ถึงผมจะไปก่อน แต่อีกฝ่ายเส้นใหญ่กว่า จึงต้องย้ายโรงแรม เพราะไม่มีห้องที่ดีที่เราพอใจขนาด 40 โต๊ะจีนในโรงแรมนั้น จึงต้องย้ายโรงแรมไปยังที่ใหญ่กว่าแพงกว่า เพราะวันที่เราแต่ง เป็นวันดี โรงแรมถูกจองไปหมดแล้ว ขนาดห้องที่ผมจองยังต้องจองแยก 2 ห้อง โดยแบ่ง 30 โต๊ะห้องหนึ่งและอีก 10 โต๊ะอีกห้องหนึ่งเลยครับ โต๊ะละ 1200 บาท รวมค่าเครื่องดื่ม ค่าเค๊ก ค่าจัดดอกไม้ เป็นเท่าไรก็ไม่ค่อยแน่ใจ รู้แต่ว่าเตรียมค่าโรงแรมไว้ 5 หมื่นกว่า เหลือมาไม่ถึงพัน เพราะปกติเราสามารถจ่ายล่วงหน้า และที่เหลือจ่ายได้หลังแต่งงานแล้ว
ก่อนแต่งงาน 1 เดือนเราก็ไปถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึก เหมือนที่เขาถ่ายกัน 3 หมื่นนั้นแหละครับ แต่ของผมนี้ไปถ่ายที่ร้านหนอนน้อย เขาอัดรูปใหญ่โตให้ 2 ใบ เราก็เอาไปเข้ากรอบไม้เอง และมีรูปเล็กให้อีก 10 รูป ค่าใช้จ่ายเรื่องถ่ายรูป 3000 บาท ค่ากรอบอีก ประมาณ 600 บาท ก็ได้ชุดไทยล้านนาอย่างหรูมา 2 ใบ ติดไว้บ้านผม และบ้านภรรยาอย่างละใบ
การ์ดแต่งงาน เราก็ต้องรีบพิมพ์ พิมพ์ไปตั้ง 600 แต่เตรียมโต๊ะไว้ 40 โต๊ะ(โต๊ะละ 10 ที่) ค่าบัตร และของคำร่วยก็ไม่ใช่ถูก ๆ นะครับ สิบบาทขึ้นไปทั้งนั้นต่อชิ้น และของชำร่วยก็ต้องเตรียมไว้ถึง 1000 ชิ้น เพื่อทั้งงานที่บ้าน และที่โรงแรม
แต่งที่บ้าน ก็ต้องแจกการ์ดที่บ้านด้วยส่วนนี้รู้สึกจะพิมพ์ไว้ 400 ทำให้ผมต้องพิมพ์การ์ดเฉพาะที่บ้านเพื่อ แต่งแบบไทย ตอนกลางวันพอตกเย็นก็ไปแต่งที่โรงแรม เพื่อแยกแขกชาวบ้าน กับแขกที่ทำงานนั่นเอง
    สิ่งที่ต้องจัดเตรียมในการแต่งงาน
  1. ถ้าจะแต่งต้องไปดูวัน กับหมอดู คนไทยมักเชื่อกันแบบนั้น
  2. คาดคะเนจำนวนแขก ว่าเพื่อนพ่อแม่พี่ป้าน้าอา ญาติทุกฝ่าย เพื่อนทุกสาย เพราะจะมีผลในการจัดเตรียมเป็นอย่างมาก
  3. เลือกห้องจัดเลี้ยง เพราะมากกว่า 60% จะมีการจัดเลี้ยง เพื่อประกาศการเริ่มชีวิตคู่ ของบ่าวสาว อย่างเป็นทางการ
  4. ไปจอง และวางเงินมัดจำแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะห้องจัดเลี้ยง เพราะวันที่หมอดูเขาบอกว่าดี มักเป็นวันเดียวกันเสมอ ผมเคยโดนเบี้ยวมาแล้ว
  5. พิมพ์บัตรเชิญ ก็ต้องให้เกินจำนวนโต๊ะไว้ ไม่ใช่จอง 500 ที่ แจกบัตร 500 ที่ไม่ได้เด็จขาด เพราะมีอยู่ส่วนหนึ่งจะฝากซองมา
  6. ถ่ายรูปสวย ๆ ติดไว้ที่หน้างาน เพราะแขกกว่าครึ่งหนึ่งไม่รู้จักหน้าตาบ่าวสาว การติดรูปไว้ จะทำให้แขกที่มาได้เห็นหน้าตาของบ่าวสาว ชัด ๆ แบบเต็มตา
  7. ของชำร่วย ยิ่งเยอะยิ่งดี มีอะไรก็ต้องให้เหลือเฟือเข้าไว้ ถ้าขาดจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี ส่วนใหญ่เป็นงานแรก และงานเดียวของท่าน
  8. เลือกชุดแต่งงาน จะชุดเดียว หรือหลายชุด จะซื้อ หรือเช่า เพราะราคาไม่ต่างกันเท่าไร แพงริบเลย แล้วรีบด้วย ชุดดีไม่ค่อยท่าอยู่นาน
  9. รถที่จะใช้ บ่าวสาว และแขก ก็ต้องวางแผนไว้ ผมเคยเป็นคนขับรถให้เพื่อนเจ้าสาวมาแล้ว เพราะเพื่อนเจ้าสาวมีรถ แต่ใช้ชุดสวยเกินไป ขับรถไม่สะดวก
  10. พิธี จะมีพระ หรือเข้าโบสถ์ หรือมีพิธีรดน้ำ หรือมีพิธีหมั้นก่อน หรือส่งตัวเข้าหอ ก็ต้องวางแผนให้ดี
  11. พิธีกร ต้องเป็นมืออาชีพ และที่สำคัญต้องเตี้ยมกันให้ดี ว่าจะเริ่ม และจบงานกันอย่างไร ผมเคยเจอแล้ว พิธีกร ok แต่ไม่ได้เตี้ยมกัน งานก็เลยยุ่งนิดหน่อย
  12. สินสอดทองหมั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่คุยกันได้ และทำเป็นพิธี แต่บางครอบครับตั้งไว้เลย 100 หมื่น น่าสงสารเจ้าบ่าวนะครับ พ่อแม่เจ้าสาวกะรวยกันเลย
  13. เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ต้องมีไว้ช่วยเหลือ เพราะมีแขกบางคนเอาของขวัญมาให้ โดยไม่ผ่านโต๊ะรับซอง ชอบให้กับมือ ขืนมายุ่งเรื่องซองด้วยคงยุ่งแน่

หมั้นก่อน 1 เดือน เพื่อเตรียมใจให้พร้อม

แหวนหมั่น ส่วนสินสอดไม่ได้ Scan ไว้ อยู่ในขันเงินที่ห่อผ้าแดงไว้
พิธีหมั้น (Engagement) เราหมั้นกันก่อน ประมาณเดือนกว่า ๆ ก่อนแต่งงานช่วงกลางเดือน พฤศจิกายน 2540 โดยเชิญญาติ ๆ ทั้งสองฝ่ายไปเป็นสักขีพยาน ทำให้เราไม่ต้องยุ่งเรื่องสินสอดทองหมั้นในวันแต่งงาน ผมโชคดีที่พ่อตาแม่ยายไม่จู้จี้ สินสอนซึ่งเป็นเงิน และทองหมั้นซึ่งใช้ทอง จึงไม่สูงจนเกินเหตุ แล้วเราก็นำเงินที่คุณแม่ผมเตรียมเป็นสินสอนไว้ให้ นำไปฝาก bank ในชื่อของเรา แขกในวันหมั้นมีไม่มาก เพราะเชิญเฉพาะญาติสนิท และคนเฒ่าคนแก่รอบ ๆ บ้าน มีประมาณ 50 ท่าน เราหมั้นกันตอนเช้า พอตอนบ่ายก็ไปงานขึ้นบ้านใหม่ ของญาติอาสะใภ้ เพราะกลับมาเยี่ยมบ้าน และสร้างบ้านให้คุณพ่อคุณแม่ของเขา หลังจากไปทำงานที่ต่างประเทศมาเป็นปี และยังพาเจ้านายฝรั่งมาเที่ยวด้วย อาผมก็จึงต้องทำหน้าที่ guide กันเต็มที่

เวทีใหญ่ในห้อง 30 โต๊ะ งานเลี้ยงกลางคืน
คู่อื่นเขาจองห้องใหญ่หมด เหลือห้องเล็กไว้ 2 ห้อง

เวทีในห้อง 10 โต๊ะ งานเลี้ยงกลางคืนเช่นกัน
40 โต๊ะคือห้องใหญ่ ห้องเล็กเราใช้กล้องวงจรปิด

เวทีที่บ้านไหล่หิน
เพราะเราจัดเลี้ยงกลางวันที่บ้านเจ้าสาวด้วย
วันแต่งงาน (Marry day)
ตื่นตามปกติครับ สำหรับผมไม่ค่อยตื่นเต้น เพราะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และเตรียมทุกอย่างไว้พร้อม ผมก็พาภรรยาไปทำผม และก็มีเจ้าสาวอีกหลายคนเข้าคิวรอที่ร้านดังของจังหวัดชื่อร้านแดง หลังทำผมก็กลับไปที่บ้านภรรยา พร้อมด้วยขบวนของของญาติเจ้าบ่าว เพื่อเตรียมเข้าพิธีแบบชาวบ้าน มีการโห่และแห่ขันหมาก รวมทั้งบายศรีเรียบร้อย มีการเลี้ยงข้าว ซึ่งจ้างเหมามาเป็นชุด ไม่ค่อยแพงเท่าโรงแรมครับ ทุกอย่างเรียบร้อย และประทับใจดีมาก
ก็ได้นิมิตร มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว คอยช่วยนู่นช่วยนี่ ทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เรื่องสินสอดทองหมั้นก็ไม่ค่อย serious เพราะแม่เจ้าสาวในชีวิตจริง ไม่เหมือนในภาพยนต์นะครับ คุยง่ายของให้รักลูกเขาจริงล่ะกัน ที่ให้ไปท่านก็คือมาเป็นสินสมรส เอาเข้าธนาคารไว้ ใช้ยามจำเป็นนั่นหละครับ จากนั้นก็ไปที่โรงแรม เพราะโรงแรมให้ห้องสวีท เราจึงใช้เป็นที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ผมกับภรรยาใช้ชุด 2 ชุดในวันแต่งงานคือชุดไทยประยุกต์ และชุดราตรีแบบฝรั่ง

ผมได้ชิมนิดเดียว ที่เหลือแจกโต๊ะละชิ้น
คืนแต่งงาน (Celebration)
หลังจากออกจากงานกลางวันเราก็มุ่งตรงไปที่โรงแรม เพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีรดน้ำผูกข้อมืออีกครั้ง หลังเปลี่ยนชุดก็ไปที่ห้องจัดเลี้ยงทันที เรานั่งให้ผู้ใหญ่มารดน้ำและผู้ข้อมือจนแล้วเสร็จ จากนั้นก็กลับห้องไปพัก
เมื่อเวลาประมาณ 18.00 เรากลับมายังห้องจัดเลี้ยง และยืนรับแขก ซึ่งรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ญาติเจ้าสาว ญาติเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว เพื่อนพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย เพื่อพี่ป้าน้าอาทั้งสองฝ่าย และลูกหลานของหลาย ๆ คนก็มากันเต็มงานไปหมด
หลังจากยืนรับแขกจนเกือบ 2 ทุ่มก็เข้าสู่พิธีการ โดยมีการกล่าวแสดงความยินดีของญาติ สุดท้ายด้วยเจ้าบ่าวเจ้าสาวกล่าวขอบคุณซึ่งต้องเตรียมดี ๆ นะครับ พร้อมเพลงคู่สักเพลงจะได้ครึกครื้น แต่คู่ของเราไม่ได้ร้องครับ มีตัดเค๊ก และเดินถ่ายรูปกับแขก
เรื่องที่ต้องเตือนก็คือการถ่ายรูปนี่แหละครับ ถ้าอย่างเก็บรูปทุกคน ควรเอาใจใส่การถ่ายตั้งแต่ตอนเข้างาน เพราะผมไปหลายงานแล้ว มีน้อย ถึงน้อยมากที่ แขกจะอยู่รอให้คู่บ่าวสาว เข้ามาถ่ายรูปด้วยได้ เพราะงานจะเลิกซะก่อนน่ะครับ
หลังแต่งงาน (After)
หลังแต่งเราก็กลับไปเข้าหอที่บ้าน มีผู้ใหญ่มาส่งถึงห้องหอ เป็นคืนที่เหนื่อยมาก เพราะต้องใช้สมาธิทั้งวัน ยิ้มทั้งวัน ยืนเกือบทั้งวัน และดีใจ ชื่นใจทั้งวัน
ตอนอาบน้ำนี่เห็นใจเจ้าสาวครับ เพราะผมที่ถูกทำมาอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น กริบหนีบผมเป็นร้อย เอาออกมายากมาก และผมก็แข็งมาก คงเพราะใช้น้ำยาดี ทำให้อยู่ทรงได้นาน ถึงนานมาก วันรุ่งขึ้นต้องไปให้ร้านสระ ไม่รู้เขาใช้น้ำยาอะไร คิดค่าสระเฉย ๆ ตั้ง 130 บาท ยังตะลึงค่าสระผมมาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ
สำหรับคืนแรกนี้ เหนื่อยครับ ไม่มีเวลามาทำหน้าที่สามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ในทางทฤษฏีหรอกครับ เพราะทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย ทั้งดึก คู่บ่าวสาวควรพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเตรียมแรงไว้พบกับวันใหม่ วันที่ต้องใช้ชีวิตคู่ และรับผิดชอบอะไรใหม่ ๆ ร่วมกันต่อไปดีกว่าครับ
วางแผนครอบครัว หลายคู่คงต้องคิดเรื่องคำนี้ไว้ก่อน เพราะการมีบุตร จะถือเป็นภาระใหม่ ที่อาศัยความต่อเนื่องในการดูแล ถ้าท่านยังไม่พร้อมทั้งเงิน เวลา บุคลากร ก็อย่างพึ่งมีเลย มีหลายวิธีป้องกัน เช่น ถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด ฉีดยาคุม หรือใส่ห่วงอนามัยเป็นต้น สำหรับครอบครัวของผมไม่ได้คุมแต่อย่างใด เพราะผมมีแม่ยายที่พร้อมเลี้ยงหลาน ภรรยาจึงคลอดบุตรคนแรกหลังแต่งงาน (แต่ง 10 มกราคม 2541 คลอดคนแรกกลางพฤศจิกายน 2541 คลอดคู่ที่สองกลางพฤศจิกายน 2542) คลอดคนแรกหลังแต่งได้เกือบ 11 เดือน และคลอดแฝดคนที่ สองและสาม ในอีก 1 ปีต่อจากคนแรก สรุปว่าลูกคนแรกคลอดวันฝนดาวตก และคนที่สองกับสาม ก็คลอดวันฝนดาวตกในปีถัดมา ซึ่งมีวันที่ต่างกัน 1 วัน ดังนั้นผมจึงตกลงกับภรรยาที่จะฉลองวันเกิดให้ลูก ๆ วันเดียวกันซะเลย
ค่าใช้จ่าย (Expense)
สรุปค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นตัวอย่างให้ท่านเห็นภาพมากยิ่งขึ้น
จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ และเตรียมเงิน ให้พร้อม
ประมาณค่าใช้จ่าย 9,600+ 12,600+ 3,000+ 7,000+ 15,000+ 109,250+ 8,000+ 3,894 = 168,344 บาท
แม้ค่าใช้จ่ายจะสูงมากขนาดนี้ แต่ก็มีรายรับจากซองสูงเช่นกัน เพราะคุณพ่อที่เสียไป ท่านรู้จักคนในจังหวัดมาก
เพื่อนท่านก็เยอะ ลูกน้องท่าน และคนนับถือก็มากมาย เครือญาติก็เข้มแข็ง เราจึงขาดทุนด้านตัวเงินนิดหน่อย
แต่เรามีกำไรด้านความพึงพอใจ เพราะเตรียมงานเต็มที่ เป็นหน้าเป็นตาให้กับผู้ใหญ่ ที่ให้การสนับสนุน และรักเรา
+ ของชำร่วย ใช้แจกคืนวันงาน 800 ชิ้น เพราะเตรียมสำหรับงานที่บ้าน 200 ชิ้น และงานโรงแรม 600 ชิ้น เป็น Ceramic รูปหัวใจ แบ่งใช้ผ้าสีโอรสห่อครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งใช้ผ้าสีชมพูห่อ ชิ้นละ 12 บาท รวมค่าของชำร่วย 12*800 9,600
+ บัตรเชิญ เราทำสองส่วน คือบัตรเชิญสำหรับงานเลี้ยงแขกที่บ้าน 200*12 รวม 2,400 บาท และบัตรเชิญสำหรับงานโรงแรม เราใช้แบบสวย ๆ ขึ้นอีกนิด 17*600 บาท รวม 10,200 บาท จึงรวมค่าบัตรเชิญทั้งหมดเป็น 12,600
+ ถ่ายรูปคู่ ติดหน้างาน เพื่อให้แขกได้เห็นหน้าตาของบ่าวสาว ชัด ๆ ไงครับ สำหรับเราถ่ายชุดไทยที่ร้านหนอนน้อย ได้รูปใหญ่ขนาด 20*24 นิ้วมา 1 ใบ โดยถ่ายมา 10 ใบ แล้วให้เลือกดีที่สุด 1 ใบ พร้อมภาพเล็ก ๆ ทั้ง 10 ใบ เสียค่าถ่ายภาพ และค่าชุดไทย 3,000
+ ค่าเช่าชุดเจ้าสาว เฉพาะเจ้าสาว เช่าชุดใหม่ที่ตัดไว้แล้ว ชุดละ 3,500 บาท 2 ชุด ชุดไทยประยุกต์สำหรับที่บ้าน และชุดราตรีสำหรับงานโรงแรม รวมค่าเช่าชุด 7,000
+ ค่าอาหาร สำหรับจัดเลี้ยงที่บ้าน รวมเครื่องดื่มประมาณ 15,000
+ ค่างานเลี้ยงโรงแรม รวมที่ต้องจ่ายให้โรงแรมหลังวันแต่ง เพราะต้องเอาเงินจากซองที่ได้มาจ่าย เป็นเงินก้อนเลยครับ
โต๊ะจีน 40*2000 บาท เป็น 80,000 บาท + เค้ก 9 ชั้น ๆ ละ 150 บาท เป็น 1,350 บาท + Soft drink 45*400 บาท เป็น 18,000 บาท + ซุ้มดอกไม้ 4,500 บาท + น้ำแข็งแกะ 9,00 บาท + พุ่มรองมือ 1,000 บาท + ดนตรีโรงแรม 3,500 บาท
109,250
+ เหล้า Clan champbell + Passport ขายเป็นคู่ คู่ละ 400 บาท 20 คู่ รวม 8000 บาท ซื้อที่ Macro เชียงใหม่ เรื่องราคาผมไม่แน่ใจ 100% รู้แต่ว่าเขาลดราคาถูกมาก ถ้าไม่รีบซื้อก็ต้องไปหาซื้อของแพงกันใหม่ 8000
+ ค่ารูปถ่าย ผมขอให้ช่างภาพที่สถาบันมาช่วยถ่าย 13 ม้วน เฉพาะงานวันแต่ง 3,894
10 มกราคม 2541 : รวมภาพงานแต่งของเว็บมาสเตอร์
พิธีแต่งงานแนวประหยัด ที่นำมาเสนอในที่นี้มี 4 แบบ เตียงนอนในห้องหอ คืนวัน หวานชื่น พิธีแต่งงานแบบที่ 1
เป็นการดัดแปลงโดยตัดวันสุกดิบและจัดขั้นตอนในทางปฏิบัติให้รวบขึ้น โดยเวลาเช้านิมนต์พระสงฆ์ มาเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นคู่บ่าวสาวตักบาตรเลี้ยงพระ เป็นเสร็จพิธีสงฆ์ ช่วงบ่ายฝ่ายเจ้าบ่าวจัดขบวนขันหมาก มายังบ้านเจ้าสาว มีการเชิญขันหมากตรวจสินสอด ไหว้บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ พร้อมทั้งอาจจดทะเบียนสมรสเลยก็ได้ พอช่วงเย็นมีพิธีรดน้ำคู่บ่าวสาว เพื่อเป็นการประหยัด อาจเชิญประธานเพียง 1 ท่าน เป็นผู้รดน้ำและเจิมคู่บ่าวสาว จะนำของชำร่วยแจกผู้ร่วมงาน พอถึงช่วง กลางคืน บิดามารดา หรือญาติผู้ใหญ่ ก็จะทำพิธีปูที่นอนและทำพิธีส่งตัวเจ้าสาว พร้อมทั้งมีการให้โอวาทและอวยพรตามธรรมเนียมเป็นอันเสร็จพิธีแต่งงาน
พิธีแต่งงานแบบที่ 2
ฝ่ายเจ้าบ่าวจะจัดขันหมากมายังบ้านเจ้าสาว พร้อมทำบุญตักบาตร แล้วจดทะเบียนสมรสในช่วงเช้า ต่อจากนั้นในช่วงบ่ายก็จัดพิธีรดน้ำและเลี้ยงอาหารแก่แขก ซึ่งจะเป็นอาหารว่างหรืออาหารเย็น ก็แล้วแต่ความเหมาะสม พอช่วงกลางคืนก็จะมีพิธีส่งตัวเจ้าสาว โดยมีพิธีปูที่นอน แล้วให้โอวาทและอวยพรแก่คู่บ่าวสาวโดยบิดามารดา หรือญาติผู้ใหญ่
พิธีแต่งงานแบบที่ 3
ในช่วงเช้าคู่บ่าวสาวจัดถวายสังฆทาน แล้วร่วมกันตักบาตรที่หน้าบ้านหรือที่วัด ต่อจากนั้นมีพิธีรดน้ำ หรือผูกข้อมือ จดทะเบียนสมรส ซึ่งก็มีเฉพาะญาติผู้ใหญ่ของคู่บ่าวสาวเท่านั้น ที่มาร่วมพิธี เสร็จแล้วช่วงเที่ยงมีการเลี้ยงอาหาร ซึ่งอาจจัดในหรือนอกสถานที่ก็ได้ตามสะดวก ส่วนการส่งตัวเป็นการจัดภายในเท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี
พิธีแต่งงานแบบที่ 4
ช่วงเช้า เจ้าบ่าวเจ้าสาวถวายสังฆทานหรือตักบาตรที่หน้าบ้านหรือที่วัด ต่อจากนั้น บิดามารดา พร้อมทั้งญาติผู้ใหญ่ ที่ใกล้ชิดจะรดน้ำอวยพรหรือผูกข้อมือ แล้วไปจดทะเบียนสมรส เป็นเสร็จพิธี หรือในกรณีที่ต้องการ ให้กระชับที่สุด ก็อาจมีเพียงถวายสังฆทานแล้วไปจดทะเบียนสมรสเลยก็ได้
จะเห็นได้ว่า การที่คนเรารักกันและต้องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนั้น ไม่จำเป็นต้องมีพิธีที่ใหญ่โตให้สิ้นเปลือง เงินทอง เสมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพียงแค่มีพิธีที่ถูกต้องและเหมาะสม กับสภาวะแวดล้อม ในยุคสมัยปัจจุบันก็น่าเพียงพอแล้ว ซึ่งก็สามารถทำให้ชีวิตคู่ครองรักกันยืนนานได้เช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก : http://www.culture.go.th/know.php?F=married&FF=thai
13 พฤศจิกายน 2553 : รุ่งนภา ดอยสะเก็ด + ทนงศักดิ์ ห้างฉัตร อดีตเพื่อนร่วมงานของผม 2 คนแต่งงานกันแล้ว พวกเขาพบกันปี 2549 ก่อนเข้ามาทำงาน คุณเอกเข้างานปี 2550 เป็นหัวหน้าสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สอบติดข้าราชการเข้ากระทรวงไอซีที ถูกเรียกตัวปี 2553 น้องรุ่งนภาหรือน้องพี กลางปี 2553 เข้างานได้ไม่กี่เดือนก็ต้องออกไปทำงานกรุงเทพ หลังออกได้ประมาณ 2 เดือนก็แจกซองชมพู เปิดดูพบว่าเขาเชิญผมไปร่วมพิธีวิวาห์ช่วงเย็นที่ โรงแรมเวียงทอง ชั้น 2 ก็ต้องบอกว่าขอแสดงความยินดี มีเพื่อน ๆ ไปร่วมงานกันเพียบ มี อ.เบญจวรรณ นันทชัย เป็นประธานฝ่ายเจ้าสาว อันที่จริงเป็นทั้งของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว แต่ของกระทรวงไอซีทีมีหัวหน้าของคุณเอกมาจากกรุงเทพฯ ส่วนประธานคล้องมาลัยเป็นส.ส.จินดา เป็นคนบ้านเดียวกับคุณเอก ภาพที่ถ่ายคู่กันสวยมาก และวีดีโอนำเสนอประวัติก็ยอด เห็นว่าใช้ proshow มี effect อลังการด้วยครับ
+ นึกว่า บ่าวสาวจะร้องเพลงซะแล้ว แต่ อ.บอย ไม่ส่งไมค์ .. ผมเลยอดฟัง
14 กุมภาพันธ์ 2553 : ศรีอร กับ สุรินทร์ ที่บ่อแฮ้ว เพื่อนร่วมงานของผม แต่งงานที่บ้านในตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง สำหรับภาพนี้พบว่าคุณศรีอร มีความสุข ส่วนคุณสุรินทร์ก็จะดูสุขุมเยือกเย็น หล่อเข้มมาดพระเอกในชุดไทยประยุกต์ ภาพที่เหลือก็จะพบว่าบุคลากรไปร่วมงานกันคับคั่ง ผมไปสายไปนิดจึงไม่ได้ร่วมผูกข้อไม้ข้อมือ แสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว .. มิตรเก่าหลายท่านก็กลับมาพบกัน มาพูดคุยกัน สังสรรค์กันอีกครั้ง นี่เป็นบรรยากาศการแต่งแบบไทย + ฝรั่ง เพราะเห็นมี fruit buffet วางตามมุมบ้าน ทันสมัยนะครับงานนี้ .. ผู้ใหญ่ก็ไปร่วมหลายท่าน ทั้งคณบดี อดีตคณบดี อดีตผู้ช่วย กำนัน นายกอบตบ่อแฮ้ว รักษาการนายกอบตทุ่งฝาย ประธานสภาทำหน้าที่เป็นพิธีกรครับ .. ที่แน่ ๆ เห็นลูกศิษย์ขึ้นไปถือไมค์ ผมรีบหยิบกล้องแทบไม่ทัน .. เป็นที่ระลึก
9 ธันวาคม 2553 : เอ๋ กับ ซ้ง
เอ๋กับซ้ง (น้องสาวของผม) แต่งงานที่เรือนเจ้าสาว ใกล้วัดเสมียนนารี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2553 มีแขกเหรื่อร่วมงานเพียบ เป็นบรรยากาศแบบไทยจริง ในคลิ๊ปเป็นตอนเจ้าบ่าวแห่ขันหมากไปพบเจ้าสาว เดินฝ่าประตูเงิน ประตูทอง ต้องใช้ซอง และเจรจากับแต่ละด่าน มีเด็ก ๆ เป็นด่านสุดท้ายครับ .. ในตอนท้ายของคลิ๊ปสัมภาษณ์เจ้าสาว ที่มีคุณอานั่งเป็นเพื่อน .. สังเกตุได้ว่าคอยชะเง้อผ่านหน้าต่างออกไปตลอดว่าถึงไหนแล้ว
6 กันยายน 2551 : นก กับ David
เจ้าสาวคือลูกสาวของ ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยโยนก โดยมีเพื่อนเก่าร่วมรุ่นของผมหลายคน และครอบครัวของผม .. ไปร่วมแสดงความยินดี จัดงานกลางวันที่บ้าน ดร.นิรันดร์ จิวะสันติการ ในบริเวณมหาวิทยาลัยโยนก เมื่อ (ขออภัยถ้าไม่ชัดเพราะบีบขนาดให้ download ได้เร็วจาก youtube.com)
15 มกราคม 2555 : ปราง กับ กร
ปรางกับกร แต่งงานที่ลำปาง เป็นงานแต่งแบบไทย ที่บ้านเจ้าสาว ได้ฤกษ์ 9.25น. หลังทำพิธีผูกข้อมือ ก็จะมีงานเลี้ยงในหมู่บ้าน ทั้งคู่เป็นลูกศิษย์ที่มหาวิทยาลัย มีเว็บไซต์ goto69.com ท่านใดต้องการปรึกษาปัญหาเรื่องซอฟท์แวร์ ติดต่อได้ครับ
25 กรกฎาคม 2558 : มุดา กับ สกุลศักดิ์
ยินดีด้วย กับ มุดา และ สกุลศักดิ์
ใน Wedding ceremony 
ด้วย Dress code : Blue jeans
ณ อาคารบุญชูตรีทอง โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ลำปาง
วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม 2558
ถ่ายสองตอน 
- ตอนแรกใช้ Sanyo Xacti AVC/H.264
- ตอนที่สองใช้ F-Phone F823 ตอนโยนช่อบูเก้
13 กรกฎาคม 2556 : ลอดซุ้มกระบี่
งานแต่งงานคู่หวานที่น่าชื่นชม
ระหว่าง พันตำรวจเอกนิคม เครือนพรัตน์ 
กับ นางสาวพิมลรัตน์ ลิมป์ไพบูลย์
ตอน "ลอดซุ้มกระบี่" (4 ตอน)
เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2556 
ณ อาคารบุญชูตรีทอง ลำปาง
โดยคุณฐานศักดิ์ ศรีพงษ์ใหญ่ พิธีกรชาย
อธิบายความเป็นมาของพิธีลอดซุ้มกระบี่ในครั้งนี้
12 กุมภาพันธ์ 2554 : ชุดวิวาห์ หรือชุดแต่งงานมีความสำคัญ ชุดวิวาห์ หรือชุดแต่งงานมีความสำคัญ ทั้งหมดที่นำเสนอ เป็นภาพที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต หากคลิ๊กตามชุดไป จะพบ link ที่นำไปสู่แหล่งอัลบั้มภาพที่เกี่ยวข้อง และหากท่านใดมีข้อมูลชุดวิวาห์ หรือแหล่งภาพชุดวิวาห์ ส่งมาได้นะครับ หากเป็นแหล่งที่เผยแพร่ได้ ผมก็จะคัดลอกภาพมาชุดหนึ่ง และทำ link ไปยังแหล่งนั้น ๆ เวลาหาชุดวิวาห์ จะได้หาได้โดยง่าย [บริการสร้างปุ่ม like-button]

https://www.facebook.com/pg/thaiall/photos/
เกร็ดความรู้ : การเลือกชุดเจ้าสาวอย่างไรให้เหมาะกับรูปร่าง เมื่อพูดถึงคำว่า "แต่งงาน" หรือ "วิวาห์" สาว ๆ ก็จะนึกถึง "เจ้าบ่าว" เป็นอันดับแรก และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ "ชุดแต่งงาน" นั่นเอง การที่จะเลือกชุดแต่งงานให้เหมาะสมกับว่าที่เจ้าสาวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะนอกจากจะต้องเป็นชุดที่สวยแล้ว เมื่อสวมใส่ก็จะต้องทำให้ดูดีสมกับที่เป็นเจ้าสาวของงานขึ้นอีกด้วย วันนี้ก็เลยมีเคล็ดลับการเลือกชุดเจ้าสาวมาฝากกัน
1. เจ้าสาวหุ่นนาฬิกาทราย เริ่มตั้งแต่สวมชุดชั้นในที่ช่วยกระชับและดันทรงขึ้น ชุดเจ้าสาวจะเป็นเสื้อคอปาดหรือเปิดไหล่ก็ได้ ใส่กระโปรงทรงหางปลา มีระบายบานตั้งแต่ช่วงเข่า ระวังอย่าให้บานสูงเกินไป เพราะจะทำให้สะโพกดูใหญ่ขึ้น
2. เจ้าสาวรูปร่างสูงโปร่ง ควรเลือกชุดที่เรียบ ดูหรูหรา เช่น ตัดเย็บจากผ้าซาติน ผ้าไหม จะเพอร์เฟ็คท์มาก แต่ถ้ากลัวว่าจะเพรียวจนเกินไปให้เลือกท่อนล่างทรงสุ่มหรือทรงบาน จะทำให้มีด้านกว้างมากขึ้นและช่วยสร้างสมดุลของแขนขา หรือเลือกชุดที่ใช้ผ้าแนวเฉียง เพราะจะรับกับรูปร่างได้อย่างดี ควรหลีกเลี่ยงเสื้อแขนยาว คอตั้ง ห้ามใส่เครื่องประดับทรงยาว ๆ หรือเกล้าผมมวยสูง ๆ เพราะจะยิ่งเสริมความสูงมากยิ่งขึ้นไปอีก
3. เจ้าสาวหุ่นลูกแพร์ (ช่วงล่างใหญ่กว่าช่วงบน) ควรเลือกกระโปรงเอ-ไลน์ จะช่วยอำพรางเนื้อส่วนเกินและต้นขา ควรหลีกเลี่ยงกระโปรงทรงแนบลำตัว หรือจะใช้วิธีใส่เสื้อเปิดไหล่ เกาะอก หรือเสื้อคอวีลึก เพื่อดึงความสนใจไปช่วงบนแทน
4. เจ้าสาวอวบ (ถ้าอกอวบ) ควรหลีกเลี่ยงชุดเกาะอก สายสปาเกตตี้ หรือเปิดไหล่เพราะจะทำให้ดูโป๊เกินจริง ควรเลือกชุดที่เป็นสายอ้อมคล้องคอไปผูกไว้ด้านหลัง เส้นของเสื้อจะทำให้ช่วงบนดูเล็กลง แต่ถ้าอวบทั้งตัว (แต่อกไม่ใหญ่เกินไป) ควนใส่เสื้อแบบ bodice (เสื้อรัดรูปที่มีเชือกไขว้สลับไปมา) เพื่อเน้นส่วนโค้งเว้าให้ดูชัดเจน หรือใส่เสื้อคอกว้าง แขนยาว มีระบายหรูหราตรงปลายแขน จะช่วยอำพรางต้นแขนอวบ ๆ ได้ ส่วนท่อนล่าง เลือกชุดที่มีช่วงต่อบริเวณสะโพก ด้านหน้ากระโปรงเป็นทรงเอ-ไลน์ ส่วนด้านหลังจะบานลงไปเฉย ๆ หรือว่าบานย้วยก็สวยเหมือนกัน
5. เจ้าสาวรูปร่างเล็ก ควรใส่ชุดแต่งงานที่เรียบ ๆ เข้าไว้ ไม่มีลูกเล่นหรือรายละเอียดมากนัก เป็นไปได้ เลือกชุดที่เปิดไหล่หรือเกาะอก ดูเซ็กซี่เสริมบุคลิก แต่ถ้าไหล่ลู่ ควรเลือกเสื้อคอกว้าง แขนล้ำ เพราะผ้าบริเวณหัวไหล่จะช่วยให้พื้นที่ไหล่กว้างขึ้น หลีกเลี่ยงชุดที่มีรอยต่อรอบเอว เพราะจะทำให้เหมือนตัดเป็นสองท่อน ควรเลือกชุดที่มีรอยต่อใต้อกหรือชุดที่ไม่มีเส้นตัดขวางช่วงเอว จะทำให้ดูขายาวขึ้น และที่สำคัญไม่ควรพิสมัยชุดฟู ๆ พอง ๆ เกินเหตุเพราะจะเสริมด้านกว้างให้มากขึ้นจนดูคล้ายขนมถ้วยฟูเดินได้
6. เจ้าสาวทรงตรง ควรเลือกชุดแบบเรียบ ไม่หวือหวามากนัก ท่อนบนอาจตัดเป็นคอร์เซตพอดีตัว เพื่อเน้นอกและเอว ระวัง ถ้าผอมมาก อย่าเลือกชุดที่เปิดช่วงคอมากนัก เพราจะเห็นไหปลาร้า ควรเลือกชุดที่มีคอปิด เช่น คอกลม จะช่วยอำพรางได้ดีกว่า ถ้ารู้ว่าหน้าอกเล็ก ท่อนบนควรใช้ผ้าเนื้อบางเบา เช่น ผ้าชีฟอง ผ้าลูกไม้ ผ้าเดรฟ มาช่วยตกแต่ง
7. เจ้าสาวรูปร่างเตี้ย ไม่ควรใส่ชุดเข้ารูปมากนัก เพราะจะเน้นให้เห็นความเตี้ยชัดเจนควรตัดชุดยาว ไม่มีช่วงต่อระหว่างอกและเอว ช่วยให้ลำตัวดูยาวขึ้นหรือใช้กระโปรงทรงเอ-ไลน์ เพราะจะดูดีกว่ากระโปรงยาวทรงตรงธรรมดา เทคนิคที่ดีคือ ควรตัดชายกระโปรงด้านหน้าให้สั้นเสมอหลังเท้า ส่วนด้านหลังปล่อยชายกระโปรงลากยาว ความยาวของชายกระโปรงด้านหลังจะช่วยสร้างเส้น ทำให้ดูสูงเพรียวมากขึ้น
8. เจ้าสาวเอวหนา ควรเลือกชุดที่ไม่เน้นช่วงเอว แต่ไปต่อใต้อก แล้วปล่อยชายที่เหลือลงมาหลวม ๆ ช่วยพรางความหนาของเอวให้ดูบางลงได้
รูปร่างของว่าที่เจ้าสาวเป็นอย่างไร ก็ลองเลือกชุดแต่งงานให้เข้ากับรูปร่างดูนะคะ แล้วจะทำให้ว่าที่เจ้าสาวดูสวยที่สุดในงานค่ะ และที่สำคัญ คือ ต้องลองใส่ดูก่อนนะคะ
ข้อมูลจาก : http://hilight.kapook.com/view/7846

http://goo.gl/72BPC